บ้านชำรุดเพราะคำนวนแบบผิด ใครต้องรับผิดบ้าง

บ้านชำรุดเพราะคำนวนแบบผิด ใครต้องรับผิดบ้าง

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่าโจทก์ได้ว่าจ้างจำเลยที่ ๑ ให้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างบ้านพักอาศัย โดยจำเลยที่ ๑ เป็นผู้จัดหาวิศวกรคำนวณโครงสร้างขออนุญาตก่อสร้างและหาผู้รับเหมาให้โจทก์โดยตกลงค่าจ้างอัตราร้อยละ ๕ ของราคาค่าก่อสร้าง เมื่อออกแบบเสร็จแล้วจำเลยที่ ๑ ได้แนะนำให้จำเลยที่ ๒ เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง โจทก์ได้ว่าจ้างจำเลยที่ ๒ เป็นผู้รับเหมาแล้วจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันทุจริตโดยก่อสร้างอาคารไม่ตรงตามแบบแปลน โดยจำเลยที่ ๑ ปล่อยปละละเลยให้จำเลยที่ ๒ ก่อสร้างผิดไปจากแบบแปลนที่ได้ขออนุญาตไว้จนกระทั่งการก่อสร้างเสร็จ โจทก์ได้รับมอบอาคารดังกล่าวไว้ เมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๑๗ และเข้าพักอาศัย อาคารดังกล่าวเกิดชำรุดบกพร่อง แตกร้าว ครั้นถึงเดือนกุมภาพันธ์ และเดือนมีนาคม ๒๕๒๐ วิศวกรมีความเห็นว่าอาคารมีความชำรุดมากอยู่ในขั้นเป็นอันตราย โครงสร้างอาจพัง เป็นเหตุให้โจทก์ต้องซ่อมแซม เมื่อซ่อมแล้วก็ขาดความสวยงามและอาคารก็เสื่อมค่าลง โจทก์เพิ่งทราบถึงความเสียหายเมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๒๐ จึงฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทั้งสองชำระค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงิน ๗๑๓,๘๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ได้รับจ้างออกแบบบ้านให้โจทก์ตามความประสงค์และงบประมาณของโจทก์ จำเลยที่ ๑ ไม่เคยตกลงรับจ้างควบคุมการก่อสร้างบ้านของโจทก์ ไม่เคยตกลงจัดหาวิศวกรมาคำนวณโครงสร้างบ้านของโจทก์ ไม่เคยตกลงจัดการขออนุญาตก่อสร้างอาคารให้โจทก์ ไม่เคยแนะนำผู้ก่อสร้างอาคารให้แก่โจทก์โจทก์เป็นผู้ตกลงว่าจ้างโดยวิธีสืบราคาจากผู้รับเหมาหลายราย จำเลยที่ ๑ ไม่เคยรับรองฝีมือและความสามารถของจำเลยที่ ๒ สัญญาจ้างเหมาท้ายฟ้องไม่สมบูรณ์จำเลยที่ ๑ ไม่เคยร่วมทุจริตในการก่อสร้างอาคารบ้านโจทก์ โจทก์เป็นผู้ว่าจ้าง ผู้ก่อสร้าง และจัดหาผู้ควบคุมการก่อสร้าง พร้อมทั้งจัดหาวิศวกรและสถาปนิกมาควบคุมการก่อสร้างเองทั้งสิ้น จำเลยที่ ๑ ได้ปฏิบัติครบถ้วนตามมาตรฐานการปฏิบัติตามวิชาชีพ โดยการตรวจการก่อสร้างให้เป็นไปตามแบบแปลนและแนะนำช่างให้ก่อสร้างตามข้อบังคับของวิชาชีพ การที่บ้านโจทก์เกิดการชำรุดแตกร้าวมิได้เกิดจากการออกแบบแปลนของจำเลยที่ ๑ ผิดพลาด แต่เกิดจากโจทก์เก็บหนังสือไว้ในบ้านมีน้ำหนักถึง ๕.๕ ตันซึ่งมากเกินสมควร โจทก์ได้ก่อสร้างถังเก็บน้ำขนาดใหญ่ติดกับตัวอาคารมีน้ำหนักถึง ๖๕ ตันน ซึ่งกระทบกระเทือนต่อฐานรากและโครงสร้างของอาคารอย่างมาก และการชำรุดของอาคารเกิดขึ้นตามธรรมชาติตามกาลเวลาอีกส่วนหนึ่งด้วย บ้านของโจทก์อาจซ่อมแซมได้ ในวงเงินไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ เมื่อจำเลยที่ ๒ พ้นความรับผิด จำเลยที่ ๑ ก็ย่อมพ้นความรับผิดด้วย ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง

จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ ได้ก่อสร้างบ้านให้โจทก์ถูกต้องตามแบบแปลนที่โจทก์มอบหมายให้และถูกต้องตามสัญญา จำเลยที่ ๒ มิได้ร่วมกับจำเลยที่ ๑ ทุจริตก่อสร้างบ้านโจทก์ให้ผิดไปจากแบบแปลน โจทก์ได้รับมอบบ้านไว้ตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๑๗ โดยไม่ทักท้วง หลังจากนั้นโจทก์ได้ตกแต่งและต่อเติมบ้านนอกเหนือจากสัญญาจนเกิดความเสียหายขึ้น จำเลยที่ ๒ ได้ซ่อมแซมจนอยู่ในสภาพดีแล้ว หากจะมีความเสียหายเกิดขึ้นอีกก็เป็นไปตามสภาพของบ้านที่ปลูกใหม่ และค่าเสียหายไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท แบบแปลนบ้านโจทก์ได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงผิดไปจากแบบแปลนที่ส่งมอบให้แก่จำเลยที่ ๒ ซึ่งจำเลยที่ ๒ มิได้รู้เห็นยินยอมด้วย จึงไม่ผูกพันจำเลยที่ ๒ โจทก์พบความชำรุดบกพร่องตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ คดีโจทก์ขาดอายุความ จำเลยที่ ๒ ตกลงสัญญาว่าจะรับผิดซ่อมแซมอาคารที่ชำรุดเสียหายให้ภายใน ๖ เดือน แต่ปรากฏว่าโจทก์รับมอบอาคารไว้เกิน ๖ เดือนแล้ว จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องรับผิด บ้านของโจทก์ไม่เสื่อมสภาพ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย หากเรียกร้องได้ก็ไม่เกิน ๑,๐๐๐ บาท ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระค่าเสียหายจำนวน ๖๑๓,๘๐๓ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์ สำหรับจำเลยที่ ๒ ให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ ๑ ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เชื่อได้ตามที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยที่ ๑ รับจ้างออกแบบบ้าน และมีหน้าที่จัดหาวิศวกรคำนวณโครงสร้างบ้านและเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างบ้านของโจทก์จนแล้วเสร็จ เมื่อปรากฏต่อมาว่าบ้านของโจทก์ชำรุดเสียหายมากทั้งหลังจำเลยที่ ๑ จะต้องรับผิดหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเชื่อได้ว่าบ้านโจทก์ชำรุดเสียหายมากทั้งหลังตามที่โจทก์นำสืบมาซึ่งตรงตามที่ศาลชั้นต้นได้ไปเผชิญสืบมาตามรายงานกระบวนพิจารณา ลงวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๒๑ จำเลยที่ ๑ ก็นำสืบรับว่าบ้านโจทก์ทรุดแตกร้าวเสียหายจริง นายสุวิชญ์ รัศมิภูติ นายพิบูลย์ จินารัตน์ พยานโจทก์ซึ่งได้ไปตรวจสภาพบ้านของโจทก์แล้วมีความเห็นตรงกันว่า บ้านโจทก์ชำรุดเสียหายมากทั้งหลังอันเกิดจากสาเหตุ ๒ ประการ คือ แบบแปลนการก่อสร้างไม่ถูกต้องตามหลักวิชา หรือมิฉะนั้นช่างผู้ก่อสร้างก่อสร้างไม่ตรงตามแบบแปลน เห็นว่านายสุวิชญ์ นายพิบูลย์เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการก่อสร้างและมีประสบการณ์มานาน ทั้งเป็นอาจารย์ในทางวิศวกรรมอยู่ในมหาวิทยาลัย ประกอบกับไม่ปรากฏว่าพยานโจทก์ทั้งสองนี้มีสาเหตุกับจำเลยที่ ๑ คำเบิกความดังกล่าวจึงมีน้ำหนักนายไพโรจน์ มหพันธ์ พยานโจทก์อีกคนหนึ่งเบิกความว่า เมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม ๒๕๑๗ จำเลยที่ ๑ ได้นำแบบแปลนบ้านและรายการคำนวณโครงสร้างบ้านโจทก์มาให้ตรวจทบทวน นายไพโรจน์ตรวจแล้วพบว่า รายการคำนวณของวิศวกรคนเดิมไม่ถูกต้องมากจนไม่อาจแก้ไขได้ จึงต้องทำรายการคำนวณให้ใหม่ ๑ ชุด คำเบิกความของนายไพโรจน์ตรงกับคำให้การของจำเลยที่ ๑ ที่ให้การไว้ต่ออนุกรรมการควบคุมการประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมตามเอกสารหมาย จ.๖ จึงน่าเชื่อว่ารายการคำนวณโครงสร้างบ้านที่จำเลยที่ ๑ จัดทำไว้เดิมไม่ถูกต้องตามหลักวิชา จึงต้องนำมาให้นายไพโรจน์ตรวจแก้ไข ซึ่งตามคำเบิกความของผู้รับเหมาก่อสร้างคือจำเลยที่ ๒ ว่า ขณะนั้นได้ก่อสร้างบ้านโจทก์ไปมากแล้ว เพราะเริ่มลงมือก่อสร้างตั้งแต่เดือนมิถุนายน ๒๕๑๗ จึงเชื่อได้ว่า จำเลยที่ ๒ก่อสร้างบ้านโจทก์โดยอาศัยแบบแปลนและรายการคำนวณโครงสร้างที่ไม่ถูกต้องซึ่งจำเลยที่ ๑ ทำไว้แต่เดิม และคณะกรรมการควบคุมการประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมสอบสวนแล้ว มีความเห็นว่าเป็นความผิดของจำเลยที่ ๑ ที่มิได้ปฏิบัติงานตามหลักวิชาแล้วมีคำสั่งให้ลงโทษพักใบอนุญาตของจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๑ ปี ได้ความแน่ชัดดังกล่าวแล้วจึงเชื่อได้ว่า บ้านโจทก์ชำรุดเสียหายเกิดจากการก่อสร้างตามแบบแปลนและรายการคำนวณโครงสร้างทางวิศวกรรมที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชา ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ จึงต้องรับผิด

ส่วนเรื่องค่าเสียหายนั้น เห็นว่าที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจกำหนดมานั้นเหมาะสมแล้ว

จำเลยที่ ๑ ฎีกาข้อสุดท้ายว่า โจทก์รู้ถึงความเสียหายตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๑๘ แล้ว เพิ่งนำคดีมาฟ้อง คดีโจทก์จึงขาดอายุความ พิเคราะห์แล้วได้ความว่า เมื่อบ้านโจทก์เกิดรอยร้าวขึ้นตอนแรกที่ผนังบ้าน จำเลยทั้งสองมาตรวจดูแล้วแจ้งให้โจทก์ทราบว่ารอยร้าวเป็นธรรมดาของบ้านปลูกใหม่ ซึ่งโจทก์ก็เชื่อตามที่จำเลยทั้งสองแจ้งให้ทราบ จนกระทั่งเดือนมีนาคม ๒๕๒๐ บ้านโจทก์มีความชำรุดเกิดมากขึ้นผิดปกติ โจทก์จึงได้เชิญนายธารา โรจน์ธนะ วิศวกรมาตรวจดู จึงทราบจากนายธาราว่าความชำรุดเสียหายเกิดขึ้นผิดปกติธรรมดาและเป็นอันตรายมาก แสดงว่าโจทก์เพิ่งทราบถึงการชำรุดบกพร่องของบ้านเมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๒๐ โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๒๐ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

พิพากษายืน.

สรุป

จำเลยที่ 1 รับจ้างออกแบบบ้านและมีหน้าที่จัดหาวิศวกรคำนวณ โครงสร้างบ้านและเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างบ้านของโจทก์จนแล้วเสร็จ ปรากฏต่อมาว่าบ้านโจทก์ชำรุดเสียหายเพราะเกิดจากการก่อสร้างตามแบบแปลนและรายการคำนวณโครงสร้างทางวิศวกรรมที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชา ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิด

เมื่อบ้านโจทก์เกิดรอยร้าวขึ้นตอนแรกที่ผนังบ้าน จำเลยมาตรวจดูแล้วแจ้งให้โจทก์ทราบว่ารอยร้าวเป็นธรรมดาของบ้านปลูกใหม่ ซึ่งโจทก์ก็เชื่อตามที่จำเลยแจ้งให้ทราบ จนกระทั่งเดือนมีนาคม 2520 บ้านโจทก์มีความชำรุดเกิดมากขึ้นผิดปกติโจทก์ให้วิศวกรมาตรวจดูจึงทราบจากวิศวกรที่มาตรวจว่าความชำรุดเสียหายเกิดขึ้นผิดปกติธรรมดาและเป็นอันตรายมาก แสดงว่าโจทก์เพิ่งทราบถึงการชำรุดบกพร่องของบ้านเมื่อเดือนมีนาคม 2520 โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2520 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ