จัดหาสัมภาระมาเพื่อให้ได้สินจ้าง มีอายุความกี่ปี

จัดหาสัมภาระมาเพื่อให้ได้สินจ้าง มีอายุความกี่ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 272/2506

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างอาคารทุกชนิดตลอดจนรับจ้างหรือรับเหมาอย่างอื่น ซึ่งเกี่ยวกับการก่อสร้างทุกอย่าง จำเลยที่ 1 ได้ซื้อเชื่อสิ่งของสำหรับใช้ในการก่อสร้างจากโจทก์เป็นคราว ๆ อันเป็นการกระทำเพื่ออุตสาหกรรมของจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ได้ผูกพันตนต่อโจทก์รับเข้าเป็นผู้ชำระเงินแทนจำเลยที่ 1 ในเมื่อจำเลยที่ 1 ผิดนัด ต่อมาจำเลยที่ 1 ไม่ชำระราคาสิ่งก่อสร้างให้แก่โจทก์ จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสองใช้ราคา

จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้หลายประการ และตัดฟ้องว่า สิทธิฟ้องร้องของโจทก์มีกำหนดอายุความ 2 ปี ขาดอายุความต้องห้ามมิให้ฟ้องแล้ว

ในชั้นพิจารณาคู่ความแต่ละฝ่ายส่งอ้างเอกสารหลักฐาน และแถลงรับข้อความบางข้อ และแถลงรับด้วยว่า (1) บริษัทประพันธ์จำกัด จำเลยเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ทำการรับเหมาก่อสร้างในที่ต่าง ๆ โดยทั่วไป (2) สิ่งของที่โจทก์ฟ้องเรียกร้องว่าบริษัทประพันธ์จำกัด จำเลยซื้อเชื่อไปเป็นสิ่งของที่บริษัทประพันธ์ จำกัด ซื้อเอาไปใช้ในการก่อสร้าง ที่บริษัทจำเลยประมูลหรือรับเหมาก่อสร้างได้ในที่ต่าง ๆ กันถูกต้องแล้ว เมื่อโจทก์จำเลยแถลงรับกันดังนี้ ศาลเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว ให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย

ศาลชั้นต้นเห็นว่าอายุความเรียกร้องสำหรับจำเลยที่ 1 มีกำหนดเพียง 2 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (1) จำเลยที่ 1 ซื้อเชื่อไปเกิน 2 ปีแล้ว จึงขาดอายุความ และเป็นผลให้จำเลยที่ 2 หลุดพ้นความผิดไปด้วยความประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 698 พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยซื้อเชื่อสิ่งของในการก่อสร้างไปใช้ในการก่อสร้างที่จำเลยที่ 1 ประมูลหรือรับเหมาก่อสร้าง เป็นการทำเพื่ออุตสาหกรรมของจำเลย ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามที่บัญญัติยกเว้นไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (1) ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ จึงให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบริษัทผู้รับเหมาทำการก่อสร้างได้ซื้อเชื่อสิ่งของของโจทก์ไปใช้ในการก่อสร้างในที่ทั่ว ๆ ไป สุดแต่บริษัทจำเลยที่ 1 จะรับเหมาทำการก่อสร้างได้นั้น มิใช่เป็นการที่ได้ทำเพื่อการอุตสาหกรรมของจำเลยที่ 1 ผู้เป็นลูกหนี้ เพราะตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2493 ให้คำแปล “อุตสาหกรรม” ว่า การทำสิ่งของเพื่อให้เป็นสินค้า และคำว่า “สินค้า” ให้คำแปลว่า สิ่งของที่ซื้อขายกัน สิ่งของที่ซื้อกันในคดีนี้เป็นสินค้าก็แต่สำหรับทางฝ่ายโจทก์ผู้เป็นพ่อค้าที่มีไว้ขาย แต่มิใช่เป็นสินค้าสำหรับทางฝ่ายจำเลยที่ 1 เพราะจำเลยที่ 1 หาได้ซื้อมาเพื่อประดิษฐ์ผลิตออกจำหน่ายขายไปไม่ การที่จำเลยที่ 1 ซื้อสิ่งของจากโจทก์มาใช้ในการก่อสร้างตามที่ตกลงรับเหมาก่อสร้างได้ เป็นการจัดหาสัมภาระมาใช้ทำการงานเพื่อได้สินจ้างในผลสำเร็จแห่งการที่รับเหมาก่อสร้างนั้น หาใช่เป็นกิจการในการประดิษฐ์สิ่งของเพื่อให้เป็นสินค้าไม่ อายุความเรียกร้องสำหรับจำเลยที่ 1 จึงมีกำหนดเพียง 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (1) ที่ไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นในการที่ได้ทำเพื่ออุตสาหกรรมของฝ่ายลูกหนี้

เมื่อโจทก์ฟ้องเกิน 2 ปี จึงขาดอายุความสำหรับจำเลยที่ 1 แล้ว และที่จำเลยให้การต่อสู้ไว้ว่าสิทธิฟ้องร้องของโจทก์มีกำหนดอายุความ 2 ปี ขาดอายุความแล้วนั้น คำให้การต่อสู้เช่ารนี้แสดงความหมายอยู่ในตัวว่าจำเลยโต้เถียงในข้ออ้างของโจทก์ที่ว่า จำเลยที่ 1 ซื้อเชื่อสิ่งของอันเป็นการกระทำเพื่ออุตสาหกรรมของจำเลยด้วยแล้ว เพราะถ้าหากเป็นการกระทำเพื่ออุตสาหกรรมของจำเลยที่ 1 อายุความก็ต้องมีกำหนด 5 ปี ไม่ใช่ 2 ปีตามที่จำเลยต่อสู้ ศาลจึงวินิจฉัยในประเด็นข้อนี้ที่ว่า การซื้อเชื่อสิ่งของรายนี้เป็นการกระทำเพื่ออุตสาหกรรมของจำเลยที่ 1 หรือไม่ได้ ไม่เป็นการฝ่าฝืนวิธีพิจารณาแต่อย่างใด

เมื่อฟ้องของโจทก์ขาดอายุความสำหรับจำเลยที่ 1 ย่อมเป็นผลให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 698 ด้วย

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์