หักค่าซ่อมแซมความเสียหายตามควรแห่งค่าการงาน

หักค่าซ่อมแซมความเสียหายตามควรแห่งค่าการงาน

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 2,040,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยทั้งสามมีหนังสือบอกเลิกสัญญากับโจทก์แล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับสินจ้างจากจำเลยทั้งสาม ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 1,600,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยทั้งสามอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

จำเลยทั้งสามฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามประการแรกมีว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาเนื่องจากโจทก์ก่อสร้างงานงวดที่ 2 และงวดที่ 3 ไม่เสร็จตามสัญญาหรือไม่ ตามสัญญาว่าจ้างปรากฏว่างานที่โจทก์ต้องก่อสร้างในงวดที่ 2 ได้แก่ สร้างคานชั้นที่ 3 พื้นชั้นที่ 3 เสารับพื้นชั้นที่ 4 ก่ออิฐผนังชั้นที่ 2 บันไดชั้นที่ 2 และห้องใต้ดิน ส่วนงานในงวดที่ 3 ได้แก่สร้างคานชั้นที่ 4 พื้นชั้นที่ 4 เสารับพื้นชั้นที่ 5 ก่ออิฐผนังชั้นที่ 3 บันไดชั้นที่ 3 สร้างถังน้ำใต้ดินฉาบปูนชั้นล่างและชั้นลอย จำเลยที่ 3 เบิกความว่า งานบางส่วนของงวดที่ 2 และงวดที่ 3 โจทก์ก่อสร้างไม่เสร็จเรียบร้อย ยังไม่ได้ฉาบปูนหรือฉาบปูนไม่ดี แตกร้าวและร่อนตามภาพถ่าย จำเลยทั้งสามเคยสั่งให้โจทก์แก้ไขงานที่ชำรุดบกพร่อง โจทก์ไม่ยอมแก้ไข และโจทก์ยังไม่ได้ก่อสร้างห้องใต้ดิน และถังน้ำใต้ดินด้วย ฝ่ายโจทก์มีนายชูวิทย์ผู้รับมอบอำนาจโจทก์เบิกความว่า โจทก์ได้ก่อสร้างงานให้แก่จำเลยทั้งสามจนถึงงวดที่ 3 แล้ว ปรากฏตามภาพถ่าย ส่วนที่ฉาบปูนไม่ดี แตกร้าวและร่อนก็รอไว้แก้ไขตอนเก็บงานในงวดสุดท้าย และเหตุที่โจทก์ยังไม่ได้ก่อสร้างห้องใต้ดินหรือถังน้ำใต้ดินนั้น เนื่องจากจำเลยที่ 3 บอกว่าไม่ต้องสร้าง เห็นว่า ตามสัญญาว่าจ้างมีข้อตกลงว่าโจทก์จะต้องก่อสร้างงานตามงวดที่ 2 และงวดที่ 3 จนแล้วเสร็จ เมื่องานฉาบปูนชั้นล่างและชั้นลอยเป็นส่วนหนึ่งของเนื้องานตามงวดดังกล่าวที่โจทก์จะต้องกระทำให้เสร็จเรียบร้อย การที่โจทก์ยังไม่ได้ฉาบปูนจนเสร็จหรือฉาบปูนไม่ดีแตกร้าวและร่อน จำเลยทั้งสามสั่งโจทก์แก้ไขงานที่บกพร่องนี้ โจทก์ไม่ยอมแก้ไข กลับอ้างว่าเป็นงานของงวดสุดท้าย ทั้งๆ ที่ตามสัญญาระบุได้ชัดว่าเป็นงานของงวดที่ 2 และงวดที่ 3 จึงถือได้ว่าโจทก์ก่อสร้างงานงวดที่ 2 และงวดที่ 3 ไม่แล้วเสร็จตามสัญญา ส่วนเรื่องการก่อสร้างห้องใต้ดินและถังน้ำใต้ดินนั้น ตามสัญญาว่าจ้างก็ระบุว่างานงวดที่ 2 มีงานก่อสร้างห้องใต้ดินและงานงวดที่ 3 มีงานก่อสร้างถังน้ำใต้ดิน เมื่อในสัญญาระบุไว้ชัดเจนว่าโจทก์จะต้องก่อสร้างงานสองรายการนี้จนแล้วเสร็จ แต่โจทก์มิได้ก่อสร้างกลับอ้างว่าจำเลยที่ 3 บอกว่าไม่ต้องสร้างโดยไม่มีพยานหลักฐานใดมาสนับสนุนว่าจำเลยที่ 3 ได้บอกกล่าวเช่นนั้นจริง ข้ออ้างของโจทก์จึงเลื่อนลอยไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง พยานหลักฐานของจำเลยทั้งสามจึงมีน้ำหนักให้รับฟังมากกว่าพยานหลักฐานของโจทก์ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาก่อสร้างงานงวดที่ 2 และงวดที่ 3 ไม่แล้วเสร็จตามสัญญา ฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังขึ้น

ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามประการสุดท้ายมีว่า โจทก์มีสิทธิเรียกสินจ้างงานงวดที่ 2 และงวดที่ 3 จากจำเลยทั้งสามได้เพียงใด จำเลยทั้งสองฎีกาว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยทั้งสามมีสิทธิบอกเลิกสัญญา และไม่ต้องชำระสินจ้างงวดที่ 2 และงวดที่ 3 ให้นั้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์มิได้ก่อสร้างห้องใต้ดินและถังน้ำใต้ดิน จำเลยทั้งสามชอบที่จะไม่ชำระสินจ้างในส่วนนี้ให้แก่โจทก์ได้แต่ในส่วนอื่นๆ ที่โจทก์ก่อสร้างงานงวดที่ 2 และงวดที่ 3 ไว้แล้ว แต่ไม่แล้วเสร็จนั้นถือว่างานก่อสร้างของโจทก์มีความชำรุดบกพร่องหลายรายการ จำเลยทั้งสามชอบที่จะยึดหน่วงสินจ้างงวดที่ 2 และงวดที่ 3 ไว้จนกว่าโจทก์จะซ่อมแซมความชำรุดบกพร่องแล้วเสร็จตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 599 หากโจทก์ไม่จัดทำจนจำเลยทั้งสามบอกเลิกสัญญา จำเลยทั้งสามชอบที่จะหักเป็นค่าซ่อมแซมความเสียหายตามควรค่าแห่งการนั้นได้เท่านั้น หากมีสินจ้างเหลือก็ต้องคืนให้แก่โจทก์ไป ไม่ชอบที่จำเลยทั้งสามจะไม่ชำระค่าสินจ้างเสียเลย โจทก์และจำเลยทั้งสามไม่ได้นำสืบราคาค่าก่อสร้างห้องใต้ดินและถังน้ำใต้ดินไว้ และจำเลยทั้งสามก็มิได้นำสืบถึงราคาค่าซ่อมแซมความเสียหายที่โจทก์ไม่ซ่อมแซมความชำรุดบกพร่องไว้ ศาลฎีกาเห็นสมควรกำหนดสินจ้างให้แก่โจทก์โดยคิดหักเป็นค่าก่อสร้างห้องใต้ดินและถังน้ำใต้ดินและค่าซ่อมแซมความเสียหายแล้วคงเหลือเป็นเงิน 600,000 บาท ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยบางส่วน”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามชำระเงิน 600,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

สรุป

เมื่อโจทก์มิได้ก่อสร้างห้องใต้ดินและถังน้ำใต้ดินตามสัญญาว่าจ้างก่อสร้างอาคาร จำเลยทั้งสามชอบที่จะไม่ชำระสินจ้างในส่วนนี้ให้แก่โจทก์ได้ แต่ในส่วนอื่นๆ ที่โจทก์ก่อสร้างงานงวดที่ 2 และงวดที่ 3 ไว้แล้ว แต่ไม่แล้วเสร็จนั้น ถือว่างานก่อสร้างของโจทก์มีความชำรุดบกพร่องหลายรายการ จำเลยทั้งสามชอบที่จะยึดหน่วงสินจ้างงวดที่ 2 และงวดที่ 3 ไว้จนกว่าโจทก์จะซ่อมแซมความชำรุดบกพร่องแล้วเสร็จตาม ป.พ.พ. มาตรา 599 หากโจทก์ไม่จัดทำจนจำเลยทั้งสามบอกเลิกสัญญา จำเลยทั้งสามชอบที่จะหักเป็นค่าซ่อมแซมความเสียหายตามควรค่าแห่งการนั้นได้เท่านั้น หากมีสินจ้างเหลือก็ต้องคืนให้แก่โจทก์ไป ไม่ชอบที่จำเลยทั้งสามจะไม่ชำระค่าสินจ้างเสียเลย