ก่อสร้างล่าช้า และไม่ตรงตามคำโฆษณา ฟ้องบอกเลิกสัญญาได้หรือไม่

ก่อสร้างล่าช้า และไม่ตรงตามคำโฆษณา ฟ้องบอกเลิกสัญญาได้หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3917/2542

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุดจากจำเลย ต่อมาเมื่อต้นปี2537 โจทก์ตรวจสอบสภาพห้องชุดก่อนรับมอบพบว่าจำเลยก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามสัญญา จึงมีหนังสือบอกกล่าว จำเลยเพิกเฉย อันเป็นการผิดสัญญา โจทก์มีหนังสือบอกเลิกสัญญาแล้ว ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 2,322,160.60 บาท พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์เป็นผู้ผิดนัดและผิดสัญญา และการเรียกดอกเบี้ยตามคำฟ้องไม่สุจริต โจทก์จึงไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว โจทก์ฎีกาข้อแรกว่า การที่จำเลยไม่สามารถติดตั้งเครื่องเรียกความช่วยเหลือ เอส โอ เอส ได้ โจทก์ย่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเห็นว่า ตามเอกสารเผยแพร่โครงการเอกสารหมาย จ.2 หน้า 9 ระบุว่า เครื่องเรียกความช่วยเหลือ เอส โอ เอส เป็นของขวัญที่ลูกค้าจะได้รับในจำนวนของขวัญทั้งหมดรวม 9 รายการ และไม่ได้กำหนดไว้ในสัญญาจะซื้อจะขายเอกสารหมาย จ.7 นอกจากนั้นข้อเท็จจริงยุติตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย โดยโจทก์ไม่ได้ฎีกาโต้แย้งว่า เหตุที่จำเลยมิได้ปฏิบัติให้ตรงตามคำโฆษณา ก็เพราะบริษัท เอส โอ เอส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายได้เลิกกิจการไปเพราะเครื่องเรียกความช่วยเหลือ เอส โอ เอส ไม่สามารถทำงานได้ตามที่โฆษณา จำเลยได้มอบให้นายเสลา ฟ้องเรียกค่าเสียหายแล้วและจำเลยได้ติดต่อขอซื้อเครื่องเรียกความช่วยเหลือจากบริษัทแอดวานซ์ คอนโทรลแอนด์ ซิเคียวริตี้ การ์ด จำกัด ซึ่งมีคุณภาพดีกว่าและราคาสูงกว่าคือ ราคาเครื่องละประมาณ 13,000 บาท มาติดตั้งแทน และจำเลยได้ยื่นข้อเสนอติดตั้งเครื่องชนิดใหม่นี้แก่โจทก์แต่โจทก์ไม่ตกลงด้วย ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 27 มิถุนายน 2539 ฉะนั้น การที่จำเลยไม่ได้ปฏิบัติให้ตรงตามคำโฆษณาจึงไม่ได้เกิดจากความผิดของจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น โจทก์ฎีกาข้อสุดท้ายว่า การก่อสร้างล่าช้าของจำเลยเป็นสาระสำคัญที่เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ ข้อเท็จจริงยุติตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยโดยโจทก์ไม่ได้ฎีกาโต้แย้งว่าเหตุที่ก่อสร้างล่าช้า ส่วนหนึ่งเกิดจากโจทก์ขอเปลี่ยนแปลงรายการก่อสร้างให้ผิดไปจากสัญญา ปรากฏตามภาพถ่ายหนังสือของโจทก์เอกสารหมาย ล.3 และ ล.4 เมื่อจำเลยแจ้งให้โจทก์ไปตรวจความเรียบร้อยตามเอกสารหมาย จ.36 และ จ.37 โจทก์ก็ไม่ได้ทักท้วงเรื่องการก่อสร้างล่าช้า แต่ได้เข้าตรวจดูความเรียบร้อยปรากฏตามเอกสารหมาย จ.38 ในหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาเอกสารหมาย จ.42 และ จ.45 โจทก์ไม่ได้กล่าวอ้างถึงความล่าช้าข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า โจทก์จำเลยมิได้ถือเอาเรื่องระยะเวลาการก่อสร้างตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจะซื้อจะขายเอกสารหมาย จ.7 เป็นสาระสำคัญ โจทก์จึงไม่อาจอ้างเหตุดังกล่าวบอกเลิกสัญญาได้ ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”

สรุป

จำเลยโฆษณาในเอกสารว่าจะติดตั้งเครื่องเรียกความช่วยเหลือ เอสโอเอสเป็นของขวัญให้แก่ลูกค้า ปรากฏว่าบริษัทที่จำหน่ายเครื่องดังกล่าวเลิกกิจการไป จำเลยจึงเสนอติดเครื่องเรียกความช่วยเหลือของบริษัทอื่นซึ่งคุณภาพดีกว่าและราคาสูงกว่าแทนแก่โจทก์ ดังนั้น การที่จำเลยไม่ปฏิบัติให้ตรงตามคำโฆษณาจึงมิได้เกิดจากความผิดของจำเลยและแม้โจทก์จะไม่ตกลงด้วย โจทก์ไม่มีสิทธิยกเลิกสัญญา ส่วนที่จำเลยก่อสร้างล่าช้า ปรากฏว่าโจทก์ไปตรวจงานก่อสร้างก็มิได้ทักท้วงเรื่องก่อสร้างล่าช้า ทั้งหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญา โจทก์ไม่ได้กล่าวอ้างถึงความล่าช้า ถือว่าโจทก์จำเลยมิได้ถือเอาเรื่องระยะเวลาก่อสร้างตามสัญญาเป็นสาระสำคัญโจทก์ไม่อาจอ้างเหตุการก่อสร้างล่าช้าบอกเลิกสัญญาได้